การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดแถลงข่าว ผลการดำเนินงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 48 ปี การเคหะแห่งชาติ ที่ผ่านมา กคช. พัฒนาที่อยู่อาศัยไปแล้วกว่า 742,000 หน่วย โดยดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ “การเคหะแห่งชาติ เป็นองค์กรสมรรถนะสูง ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชน และเมือง เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตที่ดี” พร้อมขับเคลื่อนโครงการสำคัญตอบสนองนโยบายรัฐบาล และกระทรวง พม. เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยที่อยู่ในชุมชนของการเคหะแห่งชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ
สำหรับภายในปี 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เช่นเดียวกับทั่วโลก การเคหะแห่งชาติในฐานะหน่วยงานที่มีชุมชนอยู่ในความดูแลทั่วประเทศได้มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 ระหว่างเดือนเมษายน – เดือนมิถุนายน 2563 ทั้งด้านการเงินและด้านสังคม
ด้านการเงิน 1. พักชำระค่าเช่าซื้อ 3 เดือน 2. ปลอดค่าเช่า 3 เดือน สำหรับลูกค้าอาคารเช่ารายย่อย รวมทั้งลูกค้าที่เช่าแผงตลาด และร้านค้ารายย่อย 3. ปลอดค่าเช่าสำหรับผู้เช่ารายย่อยที่ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าเหมาอาคาร 4. ลดค่าเช่า 50% และ 5. พักชำระเงินมัดจำ/เงินจอง
ด้านสังคม การเคหะแห่งชาติได้ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจถึงมาตรการป้องกันตนเองให้กับผู้อยู่อาศัย รวมถึงการร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนจัดตั้งโรงครัวในชุมชน จัดทำข้าวกล่อง ปรุงสุก พร้อมจัดหาเครื่องอุปโภค-บริโภค และของใช้จำเป็นให้กับผู้อยู่อาศัยเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของผู้อยู่อาศัย
และในปี 2564 ได้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ การเคหะแห่งชาติได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าใหม่ผ่าน 3 รูปแบบโปรโมชั่น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2564 ได้แก่ 1. โปรโมชั่นดอกเบี้ยเช่าซื้อ 0% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับลูกค้าที่สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อสามารถยื่นขอสินเชื่อ จากโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือทำสัญญาเช่าซื้อโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติ พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2. โปรโมชั่นลดราคา (Shock Price) โครงการบ้านเอื้ออาทร 56 โครงการ กำหนดราคาขายเงินสดหน่วยละ 250,000 – 520,000 บาท และ 3. โปรโมชั่นเช่าราคาพิเศษ 999 – 1,200 บาทต่อเดือนในปีแรก จำนวน 84 โครงการที่การเคหะแห่งชาติกำหนด
สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกค้าปัจจุบันในปี 2564 ได้แก่ 1. ลดอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อ ที่อยู่อาศัย 2. ลดค่างวดเช่าซื้อที่อยู่อาศัยโดยขยายเวลาการผ่อนชำระ 3. ปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าเช่าซื้อที่ค้างชำระค่าเช่าซื้อ และ 4. ส่วนลดค่างวดเช่าซื้อ 1,000 บาท สำหรับลูกค้าเช่าซื้อที่มีประวัติชำระดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ
นอกจากมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว การเคหะแห่งชาติยังได้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงบริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น โดยจัดทำโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 เห็นชอบในหลักการให้การเคหะแห่งชาติจัดทำโครงการดังกล่าว ในวงเงิน 5,207 ล้านบาท โดยปีงบประมาณ 2563 และปี 2564 สำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้จำนวน 692.80 ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการให้สินเชื่อเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย (คบส.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 โดยมีผู้บริหารระดับสูงของการเคหะแห่งชาติ รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ร่วมทำหน้าที่บริหารการ ให้สินเชื่อเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ปัจจุบันได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 114 ราย คิดเป็นวงเงินที่ปล่อยสินเชื่อ จำนวน 75.83 ล้านบาท
สำหรับในปี 2564 การเคหะแห่งชาติเตรียมขับเคลื่อนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเคหะสุขประชา และเศรษฐกิจสุขประชา จำนวน 20,000 หน่วย (ทั่วประเทศ) โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เกษียณอายุ “บ้านเกษียณสุข” โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Senior Complex โครงการที่อยู่อาศัยตามแนวโครงข่ายคมนาคม (TOD) และ โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐให้เป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing For All)